เรื่องเด่น “วันแม่” แม่ผู้ให้กำเนิดกับลูกผู้เห็นธรรม กรณีพระสารีบุตรกับมารดาที่นับถือศาสนาอื่น

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย นโมพุทธายะ๕, 12 สิงหาคม 2025 at 10:18.

  1. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    24,935
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,268
    ค่าพลัง:
    +70,807
    “วันแม่” แม่ผู้ให้กำเนิดกับลูกผู้เห็นธรรม กรณีพระสารีบุตรกับมารดาที่นับถือศาสนาอื่น


    “แม่” ในทางพระพุทธศาสนา ไม่ได้ถูกยกย่องเพียงเพราะเป็นผู้ให้กำเนิดเท่านั้น หากถูกกล่าวถึงในฐานะที่เป็นผู้เริ่มต้นวงจรแห่งกรรม เพื่อให้ชีวิตหนึ่งได้มีโอกาสฝึกฝนตนเองให้พ้นทุกข์ เนื่องจากการที่ลูกในสายโลหิตพ้นทุกข์ ไม่กลับมาเวียนว่ายในวัฏวน ย่อมเป็นบุญกุศลทั้งลูกและแม่
    “พระสารีบุตร” เป็นพระอัครสาวกเบื้องขวา เกิดในตระกูลพราหมณ์มั่งคั่ง ได้รับการยกย่องจากพระพุทธเจ้าว่าเป็นเลิศกว่าพระภิกษุทั้งหลาย ในด้านสติปัญญา ท่านรู้จักฟัง รู้จักนิ่ง และรู้จักใช้ถ้อยคำให้เหมาะแก่ใจผู้อื่น มีปัญญาเฉียบแหลมแต่ไม่หยิ่งในปัญญา สื่อธรรมอย่างตรงไปตรงมาด้วยความเมตตาและมีเหตุผล แม้แต่ต่อมารดาของท่านก็เช่นกัน
    บิดาของท่านเป็นพราหมณ์ เป็นหัวหน้าหมู่บ้านอุปติสคาม ตำบลนาลกะ ใกล้เมืองนาลันทา ส่วนมารดาชื่อ “นางสารีพราหมณี” เป็นผู้ยึดมั่นแนวปฏิบัติทางพราหมณ์ ไม่มีความศรัทธาต่อพระพุทธศาสนาแต่อย่างใด
    แม้ว่าบุตรจะบวชและมีชื่อเสียงในพระพุทธศาสนาก็ตาม แต่นางก็ยังไม่เปิดใจรับ ยังคงมุ่งมั่นปฏิบัติตนตามศาสนาพราหมณ์ต่อไป แต่พระสารีบุตรก็ไม่เคยตอบโต้แม่แต่อย่างใด ยังคงตั้งมั่นอยู่ในธรรม ได้แต่เฝ้ารอและรอวันที่มารดาจะเปิดใจรับฟังธรรมด้วยความสมัครใจเอง
    หลังพรรษาที่ ๔๔ ของพระพุทธเจ้า ขณะประทับอยู่ที่พระเชตวันมหาวิหาร พระสารีบุตรเห็นว่าอายุสังขารของตนใกล้จะหมดลงแล้ว จึงกราบทูลลาพระพุทธเจ้ากลับไปยังบ้านเกิด เพื่ออยู่กับมารดา ต้องการใช้เวลาในช่วงสุดท้ายของชีวิตอย่างสงบกับผู้ให้กำเนิด เพื่อแสดงธรรมต่อมารดาเป็นครั้งสุดท้าย
    คืนหนึ่ง ขณะที่พระสารีบุตรอาพาธใกล้ละสังขาร ด้วยโรค “ปักขันทิกาพาธ” (ท้องร่วงรุนแรง) มารดาได้เห็นแสงสว่างที่สว่างไสวมาก จากการที่ท้าวมหาราชทั้ง ๔ ท้าวสักกะเทวราช และพระพรหม มาเยี่ยมและแสดงความเคารพต่อบุตรในเรือนของตน
    ทำให้นางเกิดความฉงนว่า ไฉนเหล่าพรหมเทพเทวา ผู้มีศักดิ์ดายิ่งใหญ่ จึงมาแสดงความเคารพต่อบุตรของเราเยี่ยงนี้ พระสารีบุตรจึงแสดงธรรมต่อมารดาอย่างเรียบง่าย เพื่อให้เข้าใจว่าบุคคลเช่นท่านเป็นเพียงผู้ปฏิบัติตามคำสอนของพระพุทธเจ้าองค์หนึ่งเท่านั้น
    เมื่อได้ฟังธรรมด้วยจิตที่เปิดรับ เนื่องจากเห็นอานุภาพของบุตร ที่แม้แต่พรหมเทพเทวายังมาแสดงความเคารพ มารดาของท่านจึงเกิดปีติและบรรลุโสดาบันในวาระนั้น ก่อนที่พระสารีบุตรจะปรินิพพานอย่างสงบในคืนเดียวกันนั่นเอง (ก่อนพระพุทธเจ้าปรินิพพานราว ๖ เดือน) ขณะมีอายุราว ๘๐ ปี หลังจากครองเพศสมณะราว ๓๕ พรรษา
    ส่วนมารดาของท่านซึ่งเพิ่งบรรลุธรรมยังมีชีวิตอยู่หลังจากนั้น เป็นการจากลาของบุตรที่สงบและเป็นการมีชีวิตอยู่ต่อของมารดา ที่ได้เห็นทางธรรมอันประเสริฐของพระพุทธเจ้า
    นี้เป็นเรื่องของ “ความกตัญญูกตเวทิตา” ที่ไม่แปรเปลี่ยน แม้ศรัทธาต่อพระศาสนาของผู้เป็นแม่และลูกจะเป็นคนละแนวทาง แต่พระสารีบุตรก็ไม่ได้ตอบแทนบุญคุณต่อผู้ให้กำเนิดด้วยทรัพย์สิ่งของหรือคำพูดอันไพเราะ กลับแสดงความกตัญญูสูงสุดด้วยการมอบทางพ้นทุกข์ อันเป็นยอดแห่งบุญกุศลทั้งหลาย
    1f7ea.png เรื่องนี้สอนอะไรให้แก่ลูก ๆ บ้าง ในวันแม่วันนี้
    ในวันที่ "ความเชื่อ" ของลูกกับแม่ไม่ตรงกัน
    1f7e3.png บางคนเลือกถอยออกมา เพื่อลดปัญหา
    1f7e3.png บางคนเลือกเถียงแม่ เพื่อให้ตัวเองชนะ
    1f7e3.png บางคนเลือกพิสูจน์ให้แม่ยอมรับความคิดของตน
    แต่พระสารีบุตรกลับเลือก “อยู่บนความถูกต้อง” โดยไม่ทิ้งแม่และอยู่กับแม่ รอให้แม่เปิดใจเอง เป็นทั้งความรักที่ไม่ทิ้งธรรมและเป็นธรรมที่ไม่ทิ้งความรัก นั่นเอง


    “วันแม่” ในทางพระพุทธศาสนา จึงอาจไม่ใช่วันที่แสดงความเคารพกับแม่ด้วยความกตัญญูเท่านั้น แต่คือวันแห่งการย้อนมองว่า ในฐานะลูกนั้น ได้ทำหน้าที่ของลูกที่ดี โดย “ไม่ทิ้งแม่และไม่ทิ้งธรรม” หรือไม่



    คัดลอก เรียบเรียง และสรุปจากจุนทสูตร ในพระสุตตันตปิฎก เล่ม ๑๙ สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค และข้อมูลจาก Wikipedia ถ่ายทอดต่อโดย มนต์ชัย เทียนทอง


    ?temp_hash=9c011c073d4faf0eba2fd0a9f030abb5.jpg




    ที่มา https://www.youtube.com/@drmonchai7345




     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    24,935
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,268
    ค่าพลัง:
    +70,807
    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  3. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    24,935
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,268
    ค่าพลัง:
    +70,807
    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  4. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    24,935
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,268
    ค่าพลัง:
    +70,807
    ปรากฎความในพระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกามหาวรรค ภายหลังการบรรลุอนุตราสัมมาสัมโพธิญาณของพระบรมศาสดา พระองค์ได้เสด็จจาริกไปในสถานที่ต่าง ๆ เพื่ออนุเคราะห์ชาวโลก และเมื่อทราบทราบว่าพระเจ้าสุทโธทนะพระพุทธบิดาประชวรหนัก จึงเสด็จกลับสู่กรุงกบิลพัสดุ์อีกครั้งเพื่อเยี่ยมอาการพระพุทธบิดา พร้อมด้วยพระสงฆ์สาวกเป็นจำนวนมาก ทรงถวายพยาบาลพระพุทธบิดาตามพุทธวิสัย และโปรดให้พระพุทธบิดาได้บรรลุพระอรหันต์พร้อมปฏิสัมภิทาทั้งหลาย ในกาลต่อมาพระพุทธบิดาก็ปรินิพพานบนพระแท่นบรรทมภายใต้เศวตฉัตรนั้งเอง ภายหลังถวายพระเพลิงพระศพพระพุทธบิดา พระพุทธองค์ตรัสว่า
    "บุคคลใดมีจิตปรารถนาพระโพธิญาณ
    ....จงอุตสาหะภิบาลบำรุงบิดามารดา
    .... ประพฤติกุศลสุจริตธรรม
    จักสมปรารถนาทุกประการ "
    ******************************
    ผลานิสงส์จากการเลี้ยงดูบิดามารดา ยังส่งผลร่วมให้ผู้ปรารถนาพระโพธิญาณ ได้สำเร็จดังเจตนาได้ปานนั้น ดังที่พระพุทธองค์ทรงสรรเสริญ และกล่าวรับรอง
    กัลยาณชน ปุถุชนชั้นดี เมื่อได้บำรุงเลี้ยงดูบิดามารดา ย่อมได้รับผลานิสงส์อันเป็นกรรมดีมากมายนานับประการ แม้ไม่ได้หวังสิ่งตอบแทน แต่ทำด้วยสำนึกอันดี


    [​IMG]

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

แชร์หน้านี้

Loading...