Featured เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๑๑ สิงหาคม ๒๕๖๘

Discussion in 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' started by iamfu, Aug 12, 2025 at 3:15 AM.

Thread Status:
Not open for further replies.
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด Staff Member ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    Joined:
    Sep 25, 2008
    Messages:
    22,730
    Featured Threads:
    2,833
    Ratings:
    +26,691
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๑๑ สิงหาคม ๒๕๖๘


     

    Attached Files:

  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด Staff Member ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    Joined:
    Sep 25, 2008
    Messages:
    22,730
    Featured Threads:
    2,833
    Ratings:
    +26,691
    วันนี้ตรงกับวันจันทร์ที่ ๑๑ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘ กระผม/อาตมภาพต้องเดินทางไปยังวัดสุทัศนเทพวราราม แขวงวัดราชบพิธ เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร เพื่อรับหน้าที่พระเถราจารย์อธิษฐานจิตปลุกเสกวัตถุมงคล "พระกริ่งไพรีพินาศ ๖๘"

    แต่ในส่วนนี้ไม่ขอกล่าวถึง เนื่องเพราะว่าเมื่อคืนนี้ตอนช่วงประมาณ ๒ ทุ่ม กระผม/อาตมภาพกำลังอยู่ในรายการเสียงธรรมจากมหาจุฬาอาศรม ซึ่งเป็นช่วงสุดท้ายในการเจริญพระกรรมฐานร่วมกัน ก็มีข้อมูลที่พรรคพวกส่งเข้ามาให้ จากประกาศของสำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคม เกี่ยวกับแนวปฏิบัติในการส่งมอบข้อมูลของวัด ตามข้อหารือเบื้องต้นในที่ประชุมคณะกรรมการ

    ในกรณีที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ประสานขอข้อมูลรายละเอียดต่าง ๆ ว่า ต้องไปสอบถามจากสำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติ หรือสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัด หรือบูรณาการร่วมมือกันในการจัดทำฐานข้อมูล หากมีปัญหา อุปสรรค หรือข้อสงสัย เป็นรายจำเพาะกรณี ให้สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดนั้น ๆ สอบถามแนวทางปฏิบัติมายังสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เพื่อจักได้พิจารณาตอบข้อสงสัยต่อไป

    ส่วนบรรดาข้อมูลส่วนบุคคล รวมถึงบัญชีธนาคาร ซึ่งเป็นบัญชีส่วนบุคคล อันเป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่กฎหมายคุ้มครอง หน่วยราชการหรือเจ้าหน้าที่รัฐอาจขอความร่วมมือในการขอข้อมูลได้ ในกรณีที่เจ้าของบัญชียินยอม เมื่อสอบถามข้อมูลจากสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ หรือบูรณาการร่วมกันแล้วพบว่า จำเป็นต้องขอข้อมูลในข้อที่กล่าวมาแล้ว ตลอดจนข้อมูลอื่น ด้วยการเข้าไปในบริเวณศาสนสถาน ต้องดำเนินการให้ถูกต้องด้วยกฎหมายและจารีตประเพณี พร้อมกับรายละเอียดอีกมากมาย

    กระผม/อาตมภาพพอได้ทราบแล้วก็ได้แต่นั่งถอนใจ ภาษาชาวบ้านหยาบ ๆ ต้องบอกว่า "ต้องมาทำหน้าที่เช็ดขี้ที่คนโง่ ๆ เขาขี้เรี่ยราดเอาไว้" เรื่องทั้งหลายเหล่านี้เกิดจากกรณี "สีกากอล์ฟ" ที่มีปัญหาไป "แบล็คเมล์" บรรดาอดีตพระเถระทั้งหลาย จนกระทั่งได้เงินไปเป็นจำนวนมาก แล้วก็มีรัฐมนตรีท่านหนึ่งแสดงความฉลาดออกมา ด้วยการออกกฎกระทรวงมาควบคุมพระภิกษุสามเณรทั้งหมด ซึ่งการกระทำแบบฉลาดน้อยนี้ ทำให้เกิดความเดือดร้อนไปทั่วทั้งสังฆมณฑล..!

    เพราะท่านพูดเหมือนอย่างกับว่ารู้ลึกรู้จริงในปัญหา เพราะว่าพระสงฆ์มีเงินมากจึงมีคนเข้ามา ทำให้เกิดเรื่องขึ้น ต้องควบคุมการใช้จ่ายของคณะสงฆ์ โดยที่ไม่ได้ดูเลยว่าทุกวันนี้ ทางคณะสงฆ์ต้องส่งบัญชีถึงปีละ ๓ ครั้ง..!
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด Staff Member ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    Joined:
    Sep 25, 2008
    Messages:
    22,730
    Featured Threads:
    2,833
    Ratings:
    +26,691
    ครั้งแรกก็คือตั้งแต่เดือนตุลาคมของปีที่แล้ว ถึงเดือนมิถุนายของปีนี้ เป็นการส่งเพื่อให้ตรวจสอบครั้งที่ ๑

    ครั้งที่ ๒ ก็คือส่งตั้งแต่ตุลาคมปีที่แล้ว ถึง ๓๐ กันยายนปีนี้ เป็นการตรวจสอบรอบที่ ๒ ว่ามีการผิดเพี้ยนหรือไม่ ?

    ครั้งที่ ๓ นั้น เป็นการส่งรายงานผู้บังคับบัญชาคณะสงฆ์ ส่งตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคมของปีนั้น ๆ ถึง ๓๑ ธันวาคมของปีนั้น ๆ

    การตรวจสอบเข้มงวดอยู่ตั้งแต่แรกแล้ว แต่ท่านคิดว่าไม่มีการตรวจสอบ แล้วก็ไปออกกฎกระทรวงว่าจะต้องให้มีการทำบัญชีวัด ทำบัญชีเงินทั้
    รายวันและทั้งที่มีอยู่ในธนาคาร ต้องส่งกันทุกเดือน จะต้องมีผู้เชี่ยวชาญเรื่องของบัญชีเข้ามามีส่วนร่วม เพื่อเป็นคณะกรรมการบริหารจัดการเงินวัด

    เรื่องของบุคคลที่ปัญญาน้อย แต่คิดว่าตนเองปัญญามาก ไปรับข้อเสนอมาจากบุคคลที่ปัญญาน้อยยิ่งไปกว่า มองเห็นว่าพระสงฆ์สามเณรทั้งหมดคือผู้ร้ายที่ต้องจัดการ เพราะมีแนวคิดที่ว่าพระมีเงินถึงมีเรื่องขึ้น โดยที่ไม่ได้คิดว่า สาเหตุจริง ๆ ก็คือการที่มิจฉาชีพพยายามที่จะเบียดแทรกเข้าไปหาพระ อาศัยความอ่อนโลกของพระ ตลอดจนกระทั่งความคิดว่า ทุกคนที่มาก็คือผู้ที่หวังดีปรารถนาดีต่อศาสนา จนกระทั่งเขาสามารถที่จะหาทาง "แบล็คเมล์" ได้ แล้วก็ทำให้ท่านทั้งหลายเหล่านั้นสึกหาลาเพศไป

    แทนที่จะไปจัดการกลุ่มมิจฉาชีพเหล่านี้ให้หนัก กลับจะมาจัดการกับพระ ซึ่งยังไม่มีทีท่าว่าจะมีข้อผิดพลาดในตรงนี้ เพราะว่าส่วนที่ผิดพลาด ไม่ว่าจะมากจะน้อย ท่านก็ไปบีบคั้นกดดันจนท่านสึกหาลาเพศไปหมดแล้ว..!

    และส่วนที่จำเป็นจะต้องคิดเลยก็คือว่า
    บรรดาอดีตพระเถระทั้งหลายเหล่านั้นเป็นบุคคลที่อยู่ในวัดใหญ่ มีตำแหน่งหน้าที่สำคัญ จึงทำให้มีลาภผลมาก โดยที่ไม่ใช่พระหนุ่มเณรน้อยในวัดวาอารามห่างไกล ท่านทั้งหลายลองไล่ชื่อวัดดู ว่าแต่ละวัดล้วนแล้วแต่เป็นวัดสำคัญ หรือว่าตำแหน่งแห่งที่ของท่านทั้งหลายเหล่านั้น ไม่ว่าจะเป็นเจ้าคณะภาค รองเจ้าคณะภาค เจ้าคณะจังหวัด เจ้าอาวาสพระอารามหลวง เหล่านี้เป็นต้น ไม่เห็นบอกว่ามี "เจ้าสำนักสงฆ์ป่าช้าวัดดอน" หรือว่า "ประธานที่พักสงฆ์ป่าช้าบ้านโนนหมาหอน" เลยแม้แต่รายเดียว..!
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด Staff Member ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    Joined:
    Sep 25, 2008
    Messages:
    22,730
    Featured Threads:
    2,833
    Ratings:
    +26,691
    ก็แปลว่าสิ่งที่ท่านทั้งหลายคิดว่ารู้ลึกรู้จริงนั้น เป็นการตีมั่วอยู่ในลักษณะของการคิดว่าเข้าถึงเข้าใจปัญหา แต่ความจริงแล้วออกทะเลไปนานแล้ว แต่ยังไม่รู้ตัว แล้วก็มาเสนอวิธีการจัดการแบบโง่ ๆ โดยที่เข้าไม่ถึงปัญหา แก้ปัญหาไม่ตก ถ้าข้อกฎหมายต่าง ๆ สามารถที่จะแก้ปัญหาได้ ปัญหาคณะสงฆ์หรือว่าปัญหาข้าราชการคอรัปชั่นก็ไม่มีแล้ว เนื่องเพราะว่ารัฐธรรมนูญที่ดีเลิศประเสริฐศรีนั้น ระบุวิธีป้องกันเอาไว้หมดแล้ว แต่ท่านได้ดูหรือไม่ว่า สามารถป้องกันคนทำชั่วได้หรือเปล่า ?

    แล้วยังมีการมาตั้งคณะกรรมการ ซึ่งเป็นฆราวาสล้วน ๆ เพื่อที่ออกกฎมา ในการที่จะจัดการกับนักบวชศีล ๒๒๗ บ้าง ศีล ๑๐ บ้าง เรื่องทั้งหลายเหล่านี้เห็นก็รู้อยู่แล้วว่า
    เอาบุคคลที่ไม่มีศีลมาออกกฎบังคับผู้มีศีล โดยที่ไม่ได้รู้เลยว่าบริบทของสังคมสงฆ์นั้นเป็นอย่างไร ? แล้วก็มาบีบบังคับสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ อยู่ในลักษณะประมาณว่า "ถ้าคุณไม่ให้ความร่วมมือ ก็คือคุณละเว้นการปฏิบัติหน้าที่" ก็ทำเอาตูดร้อนกันทั้งสำนักงาน รีบนำเสนอวิธีการต่าง ๆ แก่มหาเถรสมาคม

    สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาตินั้น ปกติแล้วตั้งขึ้นมาก็เพื่อสนองงานคณะสงฆ์ ในเมื่อเรื่องที่ท่านเสนอเข้าไป มหาเถรสมาคมเห็นว่าดี เนื่องเพราะว่าท่านทั้งหลายนั้นมองโลกในแง่ดีทั้งหมด คิดว่าสิ่งที่ทำนั้นเป็นประโยชน์ต่อคณะสงฆ์ ผ่านการกลั่นกรองของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติมาด้วยดีแล้ว ก็มีมติให้ดำเนินการได้ แล้วเป็นอย่างไร ? ท้ายที่สุดก็เป็นการเอาไฟเผาพระพุทธศาสนา พระภิกษุสงฆ์สามเณรเดือดร้อนกันไปหมดทั้งสังฆมณฑล ถึงขนาดมีผู้ที่เป็นพระสังฆาธิการระดับสูงลาออกบ้าง เตรียมลาออกบ้างจำนวนมาก..!

    ท่านทั้งหลายเห็นว่า บรรดา "ระเบิดขี้" ที่โยนลงไปสู่คณะสงฆ์ โดยที่มองว่าทุกคนคือโจรผู้ร้ายที่มาปล้นพระพุทธศาสนา ความไม่รอบคอบตรงนี้ทำให้เกิดผลกระทบหนักหนา จนกระทั่งท่านคงจะไม่ได้กินไม่ได้นอนแล้ว ถึงได้ออกวิธีการมา ในการที่ให้ทำการประสานข้อมูล ตลอดจนกระทั่งขอข้อมูลระหว่างหน่วยงาน ก็ทำให้ทางด้านสตช.หรือว่าตำรวจ ซึ่งไม่ทราบเหมือนกันว่าไปเอาอำนาจมาจากไหน ในการล้วงลูกข้ามหน่วยงาน แล้วก็ดันมีคนบ้าไปเชื่อถือตามนั้น เพราะวาทกรรมชุ่ย ๆ ที่ว่า "ถ้าไม่ได้ทำผิด ต้องไปกลัวอะไรด้วย"
     
  5. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด Staff Member ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    Joined:
    Sep 25, 2008
    Messages:
    22,730
    Featured Threads:
    2,833
    Ratings:
    +26,691
    อยากจะบอกว่า ถ้าท่านทั้งหลายไม่ได้ทำผิด แต่อยู่ ๆ มีตำรวจบุกเข้าไปในบ้าน ท่านคิดว่าภาพพจน์นี้จะออกมาดีงามหรือไม่ ? แล้วขณะเดียวกันคณะสงฆ์ที่ไม่ได้ทำผิด ถึงเวลาตำรวจบุกเข้าไปแล้ว สายตาชาวบ้านจะคิดว่าท่านบริสุทธิ์ผุดผ่องหรือไม่ ? ในเมื่อไม่มีการที่จะประกาศผลเลยว่า ท่านทั้งหลายทำผิดหรือไม่ได้ทำผิด

    ในเมื่อเป็นเช่นนั้นก็สรุปได้ว่า
    ข้าราชการโง่ ๆ เสนอวิธีการโง่ ๆ ให้ผู้มีอำนาจโง่ ๆ ที่ออกกฎออกมาบังคับ แล้วก็ต้องทำให้บรรดามหาเถระของเรา ซึ่งค่อนข้างจะมองโลกในแง่ดี เห็นด้วยและทำตาม โดยที่ลืมบริบทของลูกพระลูกเณร โดยเฉพาะท่านที่อยู่สุดกู่ปลายตะโกน "ห่างไกลปืนเที่ยง" ปีทั้งปีไม่ทราบเหมือนกันว่าจะมีกิจนิมนต์สักครั้งหรือเปล่า ?

    เรื่องนี้ไม่ใช่กระผม/อาตมภาพกล่าวลอย ๆ สามารถยกตัวอย่างได้อย่างชัดเจน เพราะว่าตนเองส่งเจ้าอาวาสไปอยู่ที่วัดพุทธบริษัท หมู่ที่ ๓ ตำบลท่าขนุน อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี เป็นเจ้าอาวาสอยู่ ๓ ปี มีกิจนิมนต์ครั้งเดียว ได้รับปัจจัยมา ๑๐๐ บาท..! ท่านคิดว่าลูกพระลูกเณรที่อยู่ลักษณะแบบนี้ จะอยู่ได้หรือไม่ ? ถ้าไม่ได้รับการเจือจุนจากผู้อื่น จนกระผม/อาตมภาพต้องตั้งเงินเดือนให้เจ้าอาวาส จนกระทั่งท่านสามารถที่จะยืนหยัดอยู่ได้แล้ว ถึงได้ยกเลิกในการตั้งเงินเดือนนั้นไป

    สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ เมื่อท่านเห็นว่าพระภิกษุสงฆ์สามเณรเป็นผู้ร้าย เป็นภัยคุกคามที่ต้องจัดการ แต่ปรากฏว่ากลายเป็น "ออฟไซด์" ล้วงลูกข้ามหน่วยงานบ้าง กลายเป็นต้องมา "ไล่เช็ดขี้" ที่ตนเองถ่ายเรี่ยราดเอาไว้บ้าง ก็เกิดจากบรรดาบุคคลที่โง่แล้วขยันนั่นเอง เห็นแล้วก็รู้สึกเหนื่อยใจแทน แล้วก็สงสารหน่วยงานที่ดูแลพระพุทธศาสนาอยู่ อย่างสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ที่ต้องมาเช็ดขี้ที่หน่วยงานอื่นโยนให้กับท่าน..!
     
  6. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด Staff Member ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    Joined:
    Sep 25, 2008
    Messages:
    22,730
    Featured Threads:
    2,833
    Ratings:
    +26,691
    ขณะเดียวกัน ก็ยิ่งสงสารบรรดาพระมหาเถระ กรรมการมหาเถรสมาคม ที่ท่านนั้นมีแต่ความซื่อตรง ความสุจริตจริงใจ คิดว่าทุกฝ่ายหวังดีปรารถนาดีต่อคณะสงฆ์ แล้วก็ลืมบริบทไปถึงพระหนุ่มเณรน้อยที่อยู่ไกลปืนเที่ยง ทำให้ไปยอมให้เขาออกกฎออกมาบีบบังคับ ข้อแนะนำที่ท่านได้ออกมาแล้ว นำเสนอมหาเถรสมาคม เกี่ยวกับวิธีการต่าง ๆ ที่ควรจัดการนั้น กระผม/อาตมภาพเห็นว่าไม่จำเป็นต้องมีก็ได้

    เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่า
    ระเบียบปฏิบัติทุกอย่างนั้นดีอยู่แล้ว สำคัญที่ตัวบุคคลเท่านั้น ไม่ใช่ว่าออกกฎมาปุ๊บ ตำรวจจะเลิกรีดไถ เลิกคอรัปชั่นทุกคน ถ้าอยู่ในลักษณะนั้นได้ ประเทศไทยคงจะดีเลิศประเสริฐศรีไปหมดแล้ว..!

    ดังนั้น..กฎหมายที่ท่านทั้งหลายออกมา ทำให้พระภิกษุสามเณรของเราเดือดร้อน พยายามที่จะสนองงานผู้บังคับบัญชา โอกาสที่ตนเองจะประพฤติวัตรปฏิบัติธรรมให้ดีก็น้อยลง ต้องมากระโดดโลดเต้นในการที่จะทำเอกสารต่าง ๆ จนไม่ต้องหลับไม่ต้องนอนกัน เดือดร้อนกันไปหมด
    ในสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ ถ้าท่านตั้งสติเพียงเล็กน้อย
    สิ่งหนึ่งสิ่งใดที่ทางคณะสงฆ์เรา มีพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ก็ดี มีกฎนิคหกรรมก็ดี มีระเบียบ มติ คำสั่งมหาเถรสมาคมแล้วก็ตาม ไม่ต้องดิ้นรนไปเต้นตามเขาหรอกครับพระเดชพระคุณท่าน เราอยู่ของเราดี ๆ แล้ว ถ้าใครยื่นหัวเข้ามาก่อกวนมาก ขอเพียงให้บอกพระหนุ่มเณรน้อยของเราเท่านั้น เดี๋ยวก็จะมีคนยื่นมือไปเขกหัวที่ยื่นเข้ามาให้เอง..!

    สำหรับวันนี้ ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันจันทร์ที่ ๑๑ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
Thread Status:
Not open for further replies.

Share This Page

Loading...